เทสโทสเตอโรน (Testosterone) หรือเรียกง่าย ๆ ว่า “ฮอร์โมนเพศชาย” เป็นฮอร์โมนที่สำคัญที่สุดของเพศชายในทุกช่วงอายุ โดยถูกสร้างขึ้นจากลูกอัณฑะ ซึ่งมีหน้าที่กระตุ้นให้ร่างกาย เช่น เพิ่มขนาดและความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ ช่วยในการสร้างเม็ดเลือด รักษาความหนาแน่นของมวลกระดูก
สำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่มกล้ามเนื้อ ขยายหุ่นของตนเองให้ดูเฟิร์มขึ้น ก็จำเป็นที่จะต้องกระตุ้นการสร้างเทสโทสเตอโลนขึ้นมา โดยจะมีด้วยกันอยู่ 2 แบบ คือ ได้แก่ แบบออกฤทธิ์ระยะสั้น และออกฤทธิ์ระยะยาว (วัดตามค่า Half Life)
Half Life คือ ระยะเวลาที่ปริมาณของสารที่จะเสื่อมสลายลงไปเองตามธรรมชาติ หรือจากกลไกการกำจัดออกจากร่างกายจนเหลือปริมาณครึ่งหนึ่งนับจากจุดเริ่มต้น
เป็นเทสโทสเตอโลนที่ออกฤทธิ์ระยะสั้นทำให้มี Half Life น้อย จึงจำเป็นต้องฉีดทุก ๆ 2 สัปดาห์ การออกฤทธิ์จะค่อย ๆ สูงขึ้นในสัปดาห์แรก แล้วค่อยลดลงเมื่อครบ 2 สัปดาห์ หากภายใน 2 สัปดาห์ยังไม่ได้ฉีดเข็มต่อไป ในสัปดาห์ที่ 3 ฤทธิ์ฮอร์โมนก็จะลดลงมาต้องได้รับยาเข็มต่อไปโดยเร็ว
ข้อดี : ราคาถูก และสามารถปรับปริมาณตัวยาได้ง่าย
ข้อเสีย : ต้องฉีดถี่หรือบ่อย
เทสโทสเตอโลนที่ออกฤทธิ์ระยะยาวจะมีค่า Half Life ที่นานกว่าแบบระยะสั้น จึงแนะนำให้ฉีดทุก ๆ 3 เดือน ตัวยาจะค่อย ๆ ออกฤทธิ์สูงขึ้นแล้วค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ โดยออกฤทธิ์ได้นานประมาณ 3 เดือน แต่ถ้ามาฉีดเข็มต่อไปช้า ระดับฮอร์โมนก็จะตกลงมาเล็กน้อยและค่อย ๆ จางหายไป
ข้อดี : ไม่ต้องฉีดบ่อย และระดับฮอร์โมนในร่างกายไม่เปลี่ยน
ข้อเสีย : ราคาแพง และค่อนข้างปรับปริมาณตัวยายากกว่าแบบระยะสั้น
Testosterone Propionate (Half Life ประมาณ 12-20 ชม.)
Testosterone Phenylpropionate (Half Life ประมาณ 1.5-2 วัน)
Testosterone Isocaproate (Half Life ประมาณ 4 วัน)
Testosterone Enanthate (Half Life ประมาณ 4-5 วัน)
Testosterone Cypionate (Half Life ประมาณ 5 วัน)
Testosterone Decanoate (Half Life ประมาณ 7-8 วัน)
Testosterone Undecanoate (Half Life ประมาณ 20-22 วัน)
แนะนำให้ใช้ครั้งละ 0.5 มล. หรือประมาณ 250-300 มก. แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประเภทของเทสโทสเตอโลนด้วยว่าเป็นแบบออกออกฤทธิ์ระยะสั้นหรือยาว
